คีเลียน เอ็มบั๊ปเป้ กองหน้าซูเปอร์สตาร์ทีมชาติฝรั่งเศสของเรอัล มาดริด ออกมาเปิดใจถึงช่วงเวลาที่เคยได้ร่วมงานกับลิโอเนล เมสซี่ ตำนานลูกหนังชาวอาร์เจนตินา สมัยที่ทั้งคู่เล่นร่วมกันที่ปารีส แซงต์ แชร์กแมง โดยเจ้าตัวกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่ามันคือ “หนึ่งในช่วงเวลาที่โชคดีที่สุดในชีวิตการค้าแข้ง” พร้อมยอมรับว่าได้เรียนรู้มากมายจากการเล่นเคียงข้างนักเตะที่เขายกย่องว่าเป็น “อัจฉริยะเหนือยุค” คำพูดของเอ็มบั๊ปเป้ไม่เพียงสร้างความอบอุ่นให้กับแฟนบอลของทั้งสองฝ่าย แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงมุมมองของกองหน้าวัย 26 ปีที่เติบโตขึ้นทั้งในฐานะนักฟุตบอลและบุคคล ซึ่งสื่อดังหลายแห่งรวมถึง คาสิโน ufabet เว็บตรง ครบทุกเกมเดิมพัน ต่างยกให้เป็นหนึ่งในบทสัมภาษณ์ที่ทรงพลังที่สุดของเขาในปีนี้
เอ็มบั๊ปเป้ให้สัมภาษณ์กับ L’Équipe สื่อดังของฝรั่งเศส โดยย้อนถึงช่วงเวลาที่เขาและเมสซี่ได้ร่วมกันสร้างความยิ่งใหญ่ในถิ่นปาร์ก เดอ แปร็งส์ ระหว่างปี 2021-2023 “ผมรู้ว่าผมโชคดีมากที่ได้เล่นกับเมสซี่ เขาไม่ใช่แค่นักเตะที่ดีที่สุดในโลก แต่เป็นแรงบันดาลใจให้กับนักฟุตบอลทุกคนที่อยากประสบความสำเร็จในเส้นทางนี้ ผมได้เรียนรู้จากเขามากมาย ทั้งในเรื่องของวิธีคิด การเตรียมตัวก่อนเกม และความนิ่งเมื่ออยู่ในสนาม เขามีวิธีอ่านเกมที่แตกต่างจากทุกคนที่ผมเคยเจอ” ดาวเตะเฟรนช์แมนกล่าวด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเคารพ
ความสัมพันธ์ระหว่างเอ็มบั๊ปเป้กับเมสซี่เป็นสิ่งที่หลายคนจับตามองตั้งแต่วันแรกที่เมสซี่ย้ายจากบาร์เซโลน่ามาร่วมทีมปารีสฯ ในปี 2021 สื่อทั่วโลกต่างตั้งคำถามว่า ซูเปอร์สตาร์สองคนที่ต่างมีสไตล์การเล่นโดดเด่นและอีโก้สูงจะสามารถเล่นร่วมกันได้หรือไม่ แต่เวลาพิสูจน์แล้วว่าพวกเขาสามารถประสานงานกันได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะในฤดูกาล 2022-2023 ที่ทั้งคู่ช่วยกันยิงรวมกว่า 70 ประตูให้กับทีมในทุกรายการ ความเข้าใจในสนามของทั้งคู่เกิดขึ้นจากความเคารพซึ่งกันและกัน เอ็มบั๊ปเป้เคยกล่าวไว้ว่า “เมสซี่ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรเยอะ แค่เขาอยู่ในสนาม คุณก็จะรู้ว่าต้องทำอย่างไรให้ทีมเล่นได้ดีที่สุด” ซึ่งคำพูดนี้กลายเป็นหนึ่งในคำจำกัดความที่ชัดเจนที่สุดของความยิ่งใหญ่ของตำนานอาร์เจนไตน์รายนี้
ในแง่ของฟุตบอล เมสซี่อาจอยู่ในช่วงปลายอาชีพ แต่ในช่วงเวลาที่อยู่กับปารีสฯ เขายังคงโชว์ฟอร์มระดับสูง ทั้งการสร้างสรรค์เกม การจ่ายบอลทะลุช่อง และการยิงฟรีคิกที่แม่นยำ เอ็มบั๊ปเป้มักเป็นผู้รับประโยชน์จากความอัจฉริยะนั้น โดยเฉพาะในจังหวะสวนกลับเร็วที่เมสซี่มักจะวางบอลให้เอ็มบั๊ปเป้หลุดขึ้นไปทำประตูได้หลายครั้ง สถิติระบุว่าทั้งคู่ช่วยกันทำไป 21 แอสซิสต์ต่อกันในสองฤดูกาล ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่น่าทึ่งสำหรับคู่หูที่เล่นร่วมกันไม่นาน และนี่คือเหตุผลว่าทำไมเอ็มบั๊ปเป้ถึงพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจว่า “ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่าผมจะได้เล่นกับเมสซี่ในชีวิตจริง เขาคือคนที่ผมเคยดูในทีวีตอนเป็นเด็ก และอยู่ดี ๆ วันหนึ่งผมก็ต้องส่งบอลให้เขาในสนาม นั่นคือความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้จริง ๆ”
ช่วงเวลาที่เมสซี่อยู่กับปารีสฯ อาจไม่ได้เต็มไปด้วยความสมบูรณ์แบบเสมอไป ทีมต้องเผชิญแรงกดดันอย่างมหาศาลจากสื่อและแฟนบอลที่คาดหวังให้พวกเขาคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกให้ได้ แต่แม้จะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายนั้น การเล่นร่วมกันของทั้งเอ็มบั๊ปเป้และเมสซี่ก็สร้างความทรงจำที่น่าประทับใจให้กับแฟนบอลทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นจังหวะประสานงานสุดสวยในเกมกับมงต์เปลลิเยร์หรือการทำชิ่งกันจนแนวรับคู่แข่งถึงกับงงในเกมกับมาร์กเซย สิ่งเหล่านี้คือภาพที่ยืนยันว่า สองซูเปอร์สตาร์จากคนละยุคสามารถสร้างเวทมนตร์ร่วมกันได้จริง ซึ่ง UFABET เคยวิเคราะห์ไว้ในช่วงนั้นว่า “เอ็มบั๊ปเป้และเมสซี่คือการผสมผสานระหว่างความเร็วและอัจฉริยะ พวกเขาทำให้เกมฟุตบอลดูเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความงดงาม”
หลังจากเมสซี่ย้ายไปอินเตอร์ ไมอามี ในปี 2023 เอ็มบั๊ปเป้ยอมรับว่าเขารู้สึกว่างเปล่าอยู่ช่วงหนึ่ง เพราะต้องเล่นโดยไม่มีคู่หูที่เข้าใจกันแบบไม่ต้องพูด “มันรู้สึกแปลกมากในตอนแรก ผมชินกับการเห็นเขาอยู่ในสนาม เห็นรอยยิ้มของเขาเวลาซ้อม เขาเป็นคนที่สงบ แต่มีอิทธิพลมากในห้องแต่งตัว ทุกคนให้ความเคารพเขา ไม่ใช่เพราะชื่อเสียง แต่เพราะเขาเป็นคนที่อ่อนน้อมและเข้าใจเพื่อนร่วมทีมเสมอ” เอ็มบั๊ปเป้กล่าวต่อพร้อมยอมรับว่า เขายังติดต่อกับเมสซี่อยู่เป็นระยะ และทั้งคู่ยังคงมีความสัมพันธ์ที่ดีนอกสนาม
สิ่งที่น่าสนใจคือ แม้จะมีข่าวลือว่าทั้งคู่มีความขัดแย้งกันในช่วงท้ายของการอยู่ร่วมทีม แต่เอ็มบั๊ปเป้กลับเลือกที่จะยกย่องเมสซี่ด้วยความจริงใจ เขาอธิบายว่า “ในทีมใหญ่ย่อมมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันบ้าง แต่สิ่งที่ผมเรียนรู้จากเมสซี่คือการให้ความเคารพต่อทุกคน เขาไม่เคยแสดงอารมณ์หรือพูดในสิ่งที่ไม่จำเป็น เขาเลือกที่จะสอนด้วยการกระทำมากกว่าคำพูด และผมคิดว่านั่นคือสิ่งที่ทำให้เขายิ่งใหญ่กว่าทุกคน”

นับตั้งแต่ย้ายมาอยู่กับเรอัล มาดริด เอ็มบั๊ปเป้กลายเป็นศูนย์กลางของทีม และดูเหมือนว่าเขาจะนำบางสิ่งที่เรียนรู้จากเมสซี่ติดตัวมาด้วย ทั้งในเรื่องของการวางตัว การเล่นเป็นทีม และการรับผิดชอบในฐานะผู้นำ เขากลายเป็นนักเตะที่มีความสุขุมมากขึ้น และเน้นการสร้างโอกาสให้เพื่อนร่วมทีมมากกว่าการยิงเองเพียงอย่างเดียว ซึ่งหลายสื่อมองว่านี่คือ “เอ็มบั๊ปเป้เวอร์ชันใหม่” ที่กำลังกลายเป็นผู้นำทั้งในและนอกสนาม โดย ufabet เว็บตรงทางเข้า เล่นได้ทุกที่ ชี้ให้เห็นว่า “การได้เล่นกับเมสซี่ไม่เพียงทำให้เอ็มบั๊ปเป้เก่งขึ้นในเชิงเทคนิค แต่ยังพัฒนาเขาในแง่ของความเข้าใจเกมและจิตวิทยาการเป็นผู้นำในทีมระดับโลก”
สำหรับแฟนบอลทั่วโลก การได้เห็นเอ็มบั๊ปเป้และเมสซี่เล่นร่วมกันคือสิ่งที่ถือเป็น “ของขวัญจากฟุตบอล” เพราะเป็นการรวมกันของสองยุคที่แตกต่าง เมสซี่ในฐานะผู้สร้าง และเอ็มบั๊ปเป้ในฐานะผู้จบสกอร์ ทั้งคู่ต่างเติมเต็มกันและกันอย่างลงตัว ภาพของพวกเขาที่กอดกันหลังทำประตูในเกมยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกกับยูเวนตุสเมื่อปี 2022 ยังคงถูกพูดถึงมาจนถึงทุกวันนี้ เพราะมันคือสัญลักษณ์ของการส่งต่อยุคสมัยแห่งความยิ่งใหญ่ในโลกฟุตบอล
นอกจากความสัมพันธ์ในสนามแล้ว เอ็มบั๊ปเป้ยังกล่าวถึงสิ่งที่ได้เรียนรู้จากเมสซี่ในชีวิตส่วนตัว “เขาทำให้ผมเข้าใจว่าความสำเร็จที่แท้จริงไม่ใช่แค่การคว้ารางวัลหรือยิงประตูมากที่สุด แต่คือการรักษาความถ่อมตัวและการเคารพเกมฟุตบอล เขาเล่นเหมือนเด็กคนหนึ่งที่ยังหลงใหลในเกมนี้อยู่เสมอ และนั่นคือสิ่งที่ผมอยากรักษาไว้ตลอดไป” คำพูดนี้สะท้อนถึงความเคารพอย่างลึกซึ้งของเอ็มบั๊ปเป้ต่อเพื่อนร่วมทีมในตำนาน และยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักฟุตบอลรุ่นใหม่ทั่วโลก
ขณะเดียวกัน สื่อฝรั่งเศสหลายแห่งยังมองว่าการพูดถึงเมสซี่ของเอ็มบั๊ปเป้ครั้งนี้สะท้อนถึงการเติบโตทางอารมณ์ของเขาอย่างแท้จริง เพราะในอดีตเจ้าตัวเคยถูกวิจารณ์ว่าเป็นนักเตะที่มีความมั่นใจสูงจนเกินไป และบางครั้งอาจแสดงออกด้วยท่าทีเย็นชา แต่วันนี้เขากลับแสดงให้เห็นถึงความอ่อนน้อมและมุมมองเชิงบวกที่ลึกซึ้งกว่าเดิม ซึ่งเป็นสิ่งที่แฟนบอลชื่นชมอย่างมาก โดย ufabet บอลชุดออนไลน์ ราคาดีที่สุด ได้วิเคราะห์เพิ่มเติมว่า “คำพูดของเอ็มบั๊ปเป้ครั้งนี้ไม่เพียงแต่สร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้กับเขา แต่ยังทำให้ผู้คนเห็นว่าเบื้องหลังนักเตะที่เต็มไปด้วยพลังและความเร็ว ยังมีจิตใจที่อ่อนโยนและเคารพในเกมฟุตบอลอย่างแท้จริง”
ในแง่ของอิทธิพล เมสซี่ยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้เอ็มบั๊ปเป้แม้ในปัจจุบัน เขายอมรับว่าเมื่อใดก็ตามที่รู้สึกเหนื่อยหรือกดดัน เขามักจะย้อนกลับไปดูคลิปการเล่นของเมสซี่ในยุคบาร์เซโลน่าเพื่อเตือนตัวเองว่า ฟุตบอลคือเกมแห่งความสุข “ผมดูเขาเล่นตอนที่เขายังเด็กกับโรนัลดินโญ่ และมันทำให้ผมอยากเป็นนักฟุตบอลแบบนั้น คนที่ทำให้ผู้คนยิ้มได้เวลาดูเกม ผมคิดว่านั่นคือสิ่งที่ฟุตบอลควรเป็น” เอ็มบั๊ปเป้กล่าวทิ้งท้ายพร้อมรอยยิ้ม
ในตอนนี้ เส้นทางของทั้งคู่ต่างเดินไปในทิศทางที่แตกต่าง เมสซี่กำลังสร้างความสุขให้แฟนบอลในเมเจอร์ลีกกับอินเตอร์ ไมอามี ส่วนเอ็มบั๊ปเป้กำลังเขียนตำนานบทใหม่กับเรอัล มาดริด แต่สิ่งที่ยังคงเชื่อมโยงพวกเขาไว้คือความเคารพและความเข้าใจในเกมฟุตบอลระดับสูง ทั้งสองต่างเป็นแรงบันดาลใจให้กันและกันในแบบที่ไม่มีใครแทนที่ได้
ท้ายที่สุด คำพูดของเอ็มบั๊ปเป้ที่ว่า “ผมโชคดีที่ได้เล่นกับเมสซี่” ไม่ได้เป็นเพียงคำชมธรรมดา แต่มันคือการยอมรับในพลังของฟุตบอลที่เชื่อมโยงคนสองคนจากคนละรุ่น คนละประเทศ และคนละยุค ให้มาพบกันในสนามเดียวกันเพื่อสร้างช่วงเวลาที่ไม่มีใครลืมได้ และสำหรับแฟนบอลทั่วโลก คงไม่มีอะไรน่าจดจำไปกว่าการได้เห็นเมสซี่จ่ายบอลให้เอ็มบั๊ปเป้ยิงประตูอีกครั้ง เพราะนั่นคือภาพของความงดงามที่แท้จริงของเกมลูกหนัง ได้สรุปไว้อย่างลึกซึ้งว่า “การเล่นร่วมกันของเมสซี่และเอ็มบั๊ปเป้คือการเชื่อมโยงระหว่างอดีตกับอนาคตของฟุตบอล เป็นภาพสะท้อนของความต่อเนื่องของความยิ่งใหญ่ที่ไม่มีวันสิ้นสุด” และแม้เวลาจะผ่านไปนานเพียงใด ความทรงจำของสองซูเปอร์สตาร์นี้จะยังคงถูกกล่าวถึงในฐานะหนึ่งในช่วงเวลาที่สวยงามที่สุดในประวัติศาสตร์ของวงการฟุตบอลตลอดไป.